

เครื่องแต่งกายไทย
“รัชกาลที่ 9-ปัจจุบัน“
ชุดพระราชทาน หรือเสื้อพระราชทาน มีทั้งหมด 3 แบบ
เสื้อพระราชทานแขนสั้น
โอการที่สวมใส่
ใช้ในโอกาสธรรมดาหรือสามารถสวมใส่ได้ทุกโอกาส
ลักษณะชุด
ตัวเสื้อตัดเข้ารูป ผ่าอก ติดกระดุมหุ้มผ้าสีเดียวกัน 5 เม็ด คอตั้งสูงประมาณ 3.5-4 เซนติเมตร ติดสาบกว้าง 3.5 เซนติเมตร ขลิบรอบคอ สาบ และปลายแขน ด้านบนที่หน้าอกข้างซ้ายทำกระเป๋าแบบเจาะ 1 ใบ ด้านล่างทำกระเป๋าแบบเจาะทั้งซ้ายแขวา อีก 2 ใบ วางระดับสูงกว่ากระดุมเม็ดล่างเล็กน้อย มีขลิบที่ปากกระเป๋า โดยจะใช้ผ้าธรรมดาสีอ่อนเรียบลายสุภาพ ใช้ในโอกาสธรรมดาหรือใช้ในพิธีการตอนกลางวัน แต่ถ้าใช้เวลากลางคืนมักนิยมใช้สีเข้ม
ส่วนประกอบชุด และลักษณะการสวมใส่
ประกอบด้วย เสื้อแขนสั้น สวมใส่กับกางเกงขายาว
ชนิดผ้าที่ใช้
ผ้าไหม หรือผ้าฝ้าย


เสื้อพระราชทานแขนยาว
โอการที่สวมใส่
สามารถสวมใส่ได้ทุกโอกาส เช่น งานพิธีแทนชุดสากล หรือใช้เป็นชุดราตรีสโมสร
ลักษณะชุด
ตัวเสื้อตัดเข้ารูป ผ่าอก ติดกระดุมหุ้มผ้าสีเดียวกัน 5 เม็ด คอตั้งสูงประมาณ 3.5-4 เซนติเมตร ติดสาบกว้าง 3.5 เซนติเมตร ขลิบรอบคอ สาบ และปลายแขน ด้านบนที่หน้าอกข้างซ้ายทำกระเป๋าแบบเจาะ 1 ใบ ด้านล่างทำกระเป๋าแบบเจาะทั้งซ้ายแขวา อีก 2 ใบ วางระดับสูงกว่ากระดุมเม็ดล่างเล็กน้อย มีขลิบที่ปากกระเป๋า ส่วนแขนที่ยาวนั้น ตัดเย็บแบบเดียวกับเสื้อสากลและขลิบที่ปลายแขนเสื้อ
ส่วนประกอบชุด และลักษณะการสวมใส่
ประกอบไปด้วย เสื้อแขนยาว สวมใส่คู่กับกางเกงขายาว
ชนิดผ้าที่ใช้
ผ้าไหมหรือ ผ้าฝ้าย
แบรนด์ห้องเสื้อยศวดี
โอการที่สวมใส่
สามารถสวมใส่ได้ทุกโอกาส เช่น พิธีแทนชุดสากล หรือใช้เป็นชุดราตรีสโมสร เป็นต้น
ลักษณะชุด
ตัวเสื้อตัดเข้ารูป ผ่าอก ติดกระดุมหุ้มผ้าสีเดียวกัน 5 เม็ด คอตั้งสูงประมาณ 3.5-4 เซนติเมตร ติดสาบกว้าง 3.5 เซนติเมตร ขลิบรอบคอ สาบ และปลายแขน ด้านบนที่หน้าอกข้างซ้ายทำกระเป๋าแบบเจาะ 1 ใบ ด้านล่างทำกระเป๋าแบบเจาะทั้งซ้ายแขวา อีก 2 ใบ วางระดับสูงกว่ากระดุมเม็ดล่างเล็กน้อย มีขลิบที่ปากกระเป๋า ส่วนแขนที่ยาวนั้น ตัดเย็บแบบเดียวกับเสื้อสากลและขลิบที่ปลายแขนเสื้อ มีการเพิ่มผ้าคาดเอว ขนาดกว้างประมาณ 10-12 นิ้ว ยาวประมาณ 6-7ฟุต คาดเอว 3 หรือ 4 ทบ
ส่วนประกอบชุด และลักษณะการสวมใส่
ประกอบไปด้วย เสื้อแขนยาวสวมใส่คู่กับกางเกงขายาว และมีผ้าคาดตรงเอว
ชนิดผ้าที่ใช้
ผ้าไหม หรือผ้าฝ้าย
